วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ปวดคอ-เมื่อยหลัง...คุณคือตัวการ!

ปวดคอ-เมื่อยหลัง...คุณคือตัวการ!

ปวดคอ


*อาการปวดเมื่อยบริเวณคอและหลังที่เราไม่อาจทราบสาเหตุได้นั้น บางครั้งอาจเกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันของเราเอง

*ซึ่งถ้าคุณสามารถรู้ต้นตอที่แท้จริงแล้ว ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาอาการปวดนั้นๆ ได้ด้วยตัวของคุณเอง และไม่ต้องพึ่งพายาหมอเลย มาดูกันดีกว่าค่ะว่า พฤติกรรมใดที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดคอ-ปวดหลังได้บ้าง

*การใช้หัวไหล่หนีบหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอของคุณอ่อนล้า แม้มันจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณมีมือที่ว่างพอจะทำอะไรต่อมิอะไรไปพร้อมๆกับการคุย วิธีแก้ง่ายๆ ก็ใช้มือถือโทรศัพท์แล้วคุยจะดีกว่า แต่หากจำเป็นจะต้องหนีบหูโทรศัพท์จริงๆ ก็ควรเปลี่ยนข้างบ่อยๆ ระหว่างซ้ายและขวา

*นั่งหลังตรงนานจนหลังงอ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานที่โต๊ะทั้งวัน การนั่งในท่าเดียวนานๆ จำทำให้กล้ามเนื้อหลังเกิดอาการเจ็บปวดมากขึ้น เพราะฉะนั้น ทันทีที่นึกได้ว่า ชักจะนั่งหลังงอแล้ว ก็ควรเปลี่ยนอิริยาบถซะ

*การถือ การสะพาย หรือยกของหนัก ก็เป็นสาเหตุที่ทำร้ายกล้ามเนื้อไหล่ หลังและคอของคุณได้ ดังนั้นจึงไม่ควรถือ สะพาย หรือยกของหนักๆ เป็นเวลานานๆ ติดต่อกัน ควรหยุดพักเป็นระยะ

*อย่าอ่านหนังสือในขณะที่คุณนอนเหยียดยาว การนอนจะทำให้เส้นเอ็นที่คอเกิดอาการตึงเครียด นำมาซึ่งอาการปวด แต่ถ้าจำเป็นต้องอ่าน ขณะที่นอน ควรยกศีรษะ คอ หลังให้อยู่ในระดับที่สูงพอสมควร

*การงีบหลับ ไม่ว่าจะเป็นการงีบหลับระหว่างการเดินทางไป-กลับที่ทำงาน หรืองีบหลับขณะทำงาน ควรหาจุดวางศีรษะให้เหมาะสมหรือตั้งศีรษะให้ตรง ไม่ควรให้ศีรษะโงกเงกเอียงไปทางโน้นทีทางนี้ที เพราะจะทำให้ปวดเมื่อยบริเวณลำคอ

*ผ่อนคลายก่อนเข้านอน การเข้านอนในขณะที่ยังมีความเครียดอยู่ เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า อาจทำให้ปวดต้นคอได้ ดังนั้น ก่อนเข้านอนควรอาบน้ำให้สะอาด ผ่อนคลายด้วยการหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ เมื่อร่างกายเริ่มสบายขึ้นก็เข้านอนได้

*การเลือกหมอน ควรใช้หมอนที่มีความยืดหยุ่นเหมาะสม รับกับต้นคอพอดี เพราะการหนุนหมอนที่สูง ต่ำ แข็งหรือนิ่มเกินไป อาจทำให้คุณเกิดอาการปวดเมื่อยต้นคอได้

*เห็นไหมล่ะ...แต่ละข้อ 'คุณเอง' เป็นตัวการทั้งนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็รีบเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ จะได้ไม่ต้องบ่นปวดเมื่อยคอและหลังอีก

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อาบน้ำอย่างไรให้สวย

อาบน้ำอย่างไรให้สวย

อาบน้ำให้สวย


*การอาบน้ำเป็นกิจวัตรประจำวันที่สุดแสนจะธรรมดา แต่เชื่อหรือไม่ว่า หากพิถีพิถันกับการอาบน้ำสักนิดจะส่งผลให้ผิวพรรณสวยขึ้นและไม่เจ็บป่วยง่ายอีกด้วย สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่ออาบน้ำมีดังนี้ค่ะ

*ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

*ผิวธรรมดา-ผิวมัน : เลือกใช้สบู่ที่มีค่าความเป็นกรด-ด่างใกล้เคียงกับผิวมากที่สุด คือ pH 5.5 เพราะสบู่ที่เป็นด่างเมื่ออาบกับน้ำกระด้าง จะทำให้เกิดขี้ไคลสบู่ ถูล้างไม่ออก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสบู่ที่มีกลิ่นฉุนและแรง เพราะอาจทำให้ผิวแพ้ได้

*ผิวแห้ง : เลือกใช้ครีมหรือเจลอาบน้ำแทนสบู่ เพราะครีมหรือเจลมีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ซึ่งไม่ละลายไปกับน้ำที่อาบและเคลือบผิวไว้หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว สังเกตจากคราบลื่นๆ ที่อยู่บนผิว ซึ่งบางคนเข้าใจผิดคิดว่าล้างออกไม่หมด จึงล้างต่ออีก ซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคือง แดง หรือลอกได้

*ผลิตภัณฑ์อโรม่า

*หลังแช่น้ำในอ่างอาบน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ควรอาบน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้เป็นปกติ และใช้น้ำมันหอมระเหยหรืออโรม่าร่วมด้วย มีข้อดีคือ น้ำมันบางชนิดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้โดยตรงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูมีน้ำมีนวลมากกว่าการใช้โลชั่นทาผิว, บรรเทาอาการเจ็บปวดเมื่อยล้า, ปรับสมดุลของกระบวนการเมตาบอลิซึม ระบบการย่อยช่วยให้ร่างกายสะสมพลังงานได้ดีขึ้น และนอนหลับง่ายขึ้น

*สำหรับคุณภาพของน้ำมันหอมระเหยดูได้จากราคา ถ้าราคาแพงคุณภาพจะดีกว่า นอกจากนี้ควรเลือกกลิ่นอโรม่าให้เหมาะกับชนิดของผิว เช่น ผิวธรรมดา-ผิวมันควรเลือกใช้น้ำมันดอกมะลิ , ดอกเยอราเนียม, ดอกกุหลาบ 1 หยดต่อน้ำปริมาตร 1 อ่างช่วยรักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างให้กับผิว ถ้าผิวแห้งควรใช้น้ำมันดอกกุหลาบ, จันทร์หอม, คาโมมาย 2 หยด ตามด้วยน้ำมันพืช เช่น โจโจ้บา หรือ sweet almond 2-3 ช้อนโต๊ะต่อน้ำปริมาตร 1 อ่าง

*อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันหอมระเหยไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ ดังนั้นอย่าใช้น้ำมันมากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดผลตรงข้าม

*ใยบวบ

*ทำมาจากกากบวบ ใช้ถูตัวขจัดคราบไคลออกได้หมดจดมากกว่าฝ่ามือ เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดออกมาโดยง่าย และประหยัดสบู่มากกว่าด้วย เมื่อใช้เสร็จควรล้างเศษสบู่ออกให้หมดแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ใยบวบไม่เหมาะกับคนผิวแห้งเพราะอาจทำให้ผิวแดงระคายเคืองได้ สำหรับคนผิวแห้งเลือกใช้ฟองน้ำแทน

*แปรงขัดตัว

*ทำจากไนลอนเป็นเส้นๆ ขัดขี้ไคลออกเหมือนกับใยบวบ แต่แรงกดมากกว่าและมีด้ามจับสะดวก ก่อนใช้ให้เติมอโรม่าที่ขนแปรง เวลาขัดควรหลีกเลี่ยงบริเวณศูนย์รวมเส้นประสาทหรือจุดอ่อนบางเช่น กระดูกสันหลังและไหปลาร้า เพราะจะทำให้เกิดรอยดำและกระเทือนต่อระบบประสาทได้ ควรทำความสะอาดแปรงขัดตัวของคุณทุกสัปดาห์ โดยแช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างอีกครั้งด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ

*เกลือหรือสครับ

*ถูให้ทั่วตัวช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกออก ควรใช้สครับสัปดาห์ละครั้ง หากใช้บ่อยเกินไปจะทำให้ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองง่าย

*เทคนิคอาบน้ำให้สวย

*น้ำเย็น เหมาะกับอากาศร้อน แนะนำให้อาบน้ำที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ทำให้ผิวสดชื่นเย็นสบาย ลดอาการอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ รูขุมขนกระชับ ผิวตึงตัวดี เริ่มจากราดน้ำเย็นบนใบหน้า แขน ขาก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ จากนั้นถูเบาๆ ด้วยสบู่ จากปลายมือมายังต้นแขน จากปลายเท้าขึ้นมายังหน้าท้อง ส่วนบริเวณจุดสัมผัสต่างๆ เช่นข้อศอก หัวเข่า ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของผงขัดถูทิ้งไว้ 3-4 นาที เพื่อให้ผิวลดความหยาบลง หลังอาบน้ำใช้ฝ่ามือตบเบาๆ ทั่วตัว เพื่อกระตุ้นผิวหนังและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

*น้ำร้อน อุณหภูมิประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส ร้อนกว่าอุณหภูมิภายในร่างกายเล็กน้อย เหมาะกับกระตุ้นคนขี้เกียจที่พึ่งตื่นนอน หรือหลังเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานหนัก แนะนำให้แช่น้ำร้อนสักพัก ความร้อนจะกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด คลายอาการเมื่อยล้า และกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเธติกทำให้ร่างกายและจิตใจกระฉับกระเฉงขึ้น แต่ไม่ควรอาบนานเกิน 10-15 นาที ผิวจะแห้งตึง หากขาดการบำรุงจะทำให้ผิวแห้งเหี่ยวก่อนวัย

*น้ำอุ่น มีอุณหภูมิต่ำกว่าน้ำร้อนคือประมาณ 24-34 องศาเซลเซียส เพื่อกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาราเธติก ทำให้ร่างกาย จิตใจสงบลง ก่อนจะอาบน้ำอุ่น ควรดื่มน้ำก่อน 1 แก้วเพื่อเปิดรูขุมขนทั่วร่างกาย น้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายกว่าการอาบน้ำร้อนหรือเย็นจัด และอาบได้นานกว่าน้ำร้อน เพราะมีเวลารอให้รูขุมขนขยายเต็มที่นานถึง 20 นาที แต่หากเกินกว่านี้จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ผิวแห้งและคัน

*ทั้งนี้ผู้ที่อาบน้ำร้อนและน้ำอุ่น หลังอาบน้ำควรทามอยส์เจอไรซ์เซอร์หรือครีมบำรุง ชดเชยความมันบนผิวหนังที่สูญเสียไปขณะที่รูขุมขนเปิดเนื้อครีมจะซึมลึกเข้าไปบำรุงผิวได้ดีกว่า สำหรับคนผิวแห้ง ควรงดอาบน้ำอุ่นและน้ำร้อน ส่วนคนผิวธรรมดาและผิวมันไม่ควรอาบเกิน 2 ครั้งต่อวัน นอกจากวันที่อากาศร้อนมากๆ อุณหภูมิน้ำร้อนและน้ำอุ่นเหมาะกับคนป่วยที่กำลังมีไข้ เพราะร่างกายไม่ต้องปรับอุณหภูมิมาก หากอาบน้ำเย็นจะทำให้ไข้สูงขึ้นกว่าเดิมด้วย

*อาบด้วยฝักบัว : ฝักบัวมีพลังจากน้ำแรงพอที่จะไล่ไขมันให้ไปรวมกันได้ ช่วยลดไขมันในร่างกาย คล้ายกับนวดตัวไปในตัว โดยฉีดน้ำไล่จากล่างขึ้นบน โดยเฉพาะบริเวณที่ไขมันสะสมมาก หรืออาบพร้อมกลิ่นบำบัดโดยใส่การบูรหรือสมุนไพรในถุงเล็กๆ แขวนไว้ที่หัวฝักบัว แล้วปล่อยน้ำฉีดออกมาขณะอาบน้ำร้อน กลิ่นสมุนไพรจะระเหยตามออกมาด้วย

*แช่อ่างอาบน้ำ : ความดันใต้น้ำทำให้รู้สึกสบาย คลายอาการเมื่อยเท้า เท้าบวมได้ แต่ไม่ควรแช่น้ำนาน เพราะความร้อนจะทำให้ผิวหยุดผลัดเปลี่ยน ผิวไม่เปล่งปลั่งเหมือนกับใช้ฝักบัวหรือขันอาบ

*เพื่อผิวสวยแล้วควรแช่น้ำสัก 8-10 นาทีแล้วออกมานั่งถูตัวหรือสระผมข้างนอกอีก 5 นาที กลับไปแช่อีกครั้ง โดยแช่เท้าก่อน ให้น้ำค่อยๆ ท่วมถึงน่อง แขน และฝ่ามือ พยายามให้น้ำสูงขึ้นจากปลายเข้าสู่แกนกลางของร่างกาย ร่างกายจะค่อยๆ อุ่นขึ้น กล้ามเนื้อลดความแข็งเกร็ง

*ลองยืดเส้นยืดสายในน้ำ เช่น ยกขาให้เท้าชี้ไปด้านหน้า เกร็งหน้าท้องไว้แล้วค่อยๆ วางลงจะช่วยลดหน้าท้องได้ หรือบิดเอวไปมาใต้น้ำช่วยลดไขมันรอบเอว การที่ร่างกายต้องต้านแรงพยุงน้ำเพื่อเคลื่อนไหวทำให้ใช้แรงมากกว่าอยู่ในอากาศ จึงขับเหงื่อออกได้มากกว่า

*ช่วงเวลาอาบน้ำ

*เวลาที่เหมาะสำหรับการอาบน้ำคือ ก่อนรับประทานอาหาร หรือ หลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการจุกเสียด เพราะหลังอิ่มใหม่ๆ เลือดจะไปเลี้ยงระบบย่อยอาหารมากขึ้น หากอาบน้ำทันที ระบบประสาทอัตโนมัติจะสั่งให้หลอดเลือดมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้เย็นเกินไป เลือดจึงไปเลี้ยงกระเพาะอาหารน้อยลง ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ อาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้

*พักเหนื่อย 1 ชั่วโมงหลังออกกำลังใหม่ๆ คือหลังเล่นกีฬาเสร็จ เลือดจะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมากขึ้นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการออกกำลังกาย เมื่ออาบน้ำทันทีเลือดจะมากระจุกที่ผิว ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายยังคงรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่ควรอาบน้ำเกิน 2 ครั้งต่อวัน เพราะจะทำให้ผิวแห้งและเป็นหวัดตามมาได้

วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด

วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด



วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด
*ดร.นิโคล ลีเดอท ไคโรแพร็กเตอร์ จากประเทศออสเตรเลีย กล่าวแนะนำการนั่งทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดเมื่อย โรคยอดฮิตของหนุ่มสาวออฟฟิศในยุคนี้ โดยเตือนว่าการนั่งแบบไม่มีพนักพิงจากเก้าอี้ นั่งจมลงไปในเก้าอี้ นั่งชิดแป้นพิมพ์หรือเมาส์เกินไป เท้าไม่สัมผัสพื้น นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมบนโต๊ะทำงาน รวมถึงการยกของหนักผิดวิธี เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง เนื่องจากมีการเกร็งกล้ามเนื้อมากเกินไปในระยะเวลานานๆ
*สำหรับใครที่มีอาการปวดหลังเนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ดร.นิโคลมีวิธีนั่งที่ถูกวิธีดังนี้
*ควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง โดยมีความกว้างและลึกที่ทำให้ผู้นั่งนั่งให้หลังชนเก้าอี้ได้ โดยเท้าสัมผัสพื้น หากไม่สามารถนั่งเช่นนี้ได้ให้หาที่วางขาให้เข่าอยู่ในลักษณะเท่ากัน และวางเมาส์ไว้ใกล้ตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องเอื้อมไปจับ พัก 1-2 นาที ทุกๆ 20-30 นาที ลุกขึ้นและผ่อนคลาย
*ไม่ควรนั่งจมลงไปในเก้าอี้ เพราะจะทำให้หลังงอได้
*หากต้องอ่านหนังสือ ควรให้หนังสืออยู่ระดับเดียวกับสายตา เพราะถ้าหากอยู่ต่ำจะทำให้เวลาอ่านต้องมองขึ้นมองลง อาจทำให้เกิดอาการปวดคอและหลังท่อนบนได้
*ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่ใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้ต้องเขยิบไปกลางเก้าอี้ ทำให้ขาไม่ได้รับน้ำหนักอาจทำให้ปวดหลังได้
*ในการยกของหนักควรให้หลังโค้งตามธรรมชาติอยู่เสมอ เพราะส่วนโค้งของหลังเป็นส่วนที่รับน้ำหนักและพยุงหลังได้ดีที่สุด
*ควรแยกขาออกจากกันในขณะยกของ เพราะจะช่วยทำให้คุณอยู่ในตำแหน่งที่สมดุลเมื่อต้องยกของ
*พยายามเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องก่อนยกของทุกครั้ง เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องจะช่วยพยุงหลัง*ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการยกโดยมีวิธีการยกของที่ถูกต้อง คือการถือของห่างจากลำตัวเพราะเป็นการช่วยเพิ่มแรงดัน และขณะที่ยกและเคลื่อนย้าย ควรหมุนตัวไปทั้งตัวแทนที่จะหมุนแค่กระดูกสันหลัง

ความจริงกับอาการนอนกรน

ความจริงกับอาการนอนกรน

กรน


ความจริงกับอาการนอนกรน

*อาการนอนกรน เป็นปัญหาของการนอนหลับ ที่พบบ่อยในคนอายุ 30-35 ปี ซึ่งมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วน ผนังคอหนา เนื้อเยื่อในช่องคอ หย่อนตัวขณะนอนหลับ

*ประมาณร้อยละ 20 เป็นเพศชาย และร้อยละ 5 เป็นเพศหญิง และอาการ นอนกรนจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น

*เสียงกรนเกิดจากการที่อากาศเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบ ซึ่งมักเกิดจากการผ่อนคลายหรือหย่อนตัวของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบนขณะนอนหลับ เช่น กล้ามเนื้อบริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย หรือโคนลิ้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนและสะบัดของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออ่อนในบริเวณนั้นเกิดเป็นเสียงกรนขึ้น

*การอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนจากต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์ที่โต ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการนอนกรนที่สำคัญในเด็กหรือเนื้องอกหรือซีสต์ (Cyst) ในทางเดินหายใจส่วนบนหรือการที่มีโพรงจมูกอุดตันจากหลายสาเหตุ เช่น อาการคัดจมูกจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ผนังกั้นช่องจมูกคด เนื้องอกในโพรงจมูกและ/หรือโพรงอากาศข้างจมูก ริดสีดวงจมูก ไซนัสอักเสบ ก็เป็นสาเหตุที่ให้เกิดอาการนอนกรนได้เช่นกัน

*อาการนอนกรนจึงไม่ใช่เรื่องปกติ แต่กลับบ่งบอกถึงการมีสิ่งอุดกั้นในระบบ ทางเดินหายใจส่วนบน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea) เป็นภาวะที่มีการอุดกั้นในทางเดินหายใจมากจนกระทั่งทำให้เกิดการหยุดหายใจเป็นช่วงๆขณะนอนหลับได้ ใครมีปัญหาควรรีบปรึกษาแพทย์*การนอนกรนอาจส่งผลให้ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน ทำให้เรียน หรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้าต้องขับรถอาจเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ นอกจากนั้น จะมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตในปอดสูง โรคหลอดเลือดในสมอง

*ลักษณะทั่วไป ที่อาจส่งเสริมให้เกิดอาการนอนกรนขณะหลับได้ เช่น คอสั้น อ้วน น้ำหนักมาก มีความผิดปกติในลักษณะโครงสร้างของใบหน้า เช่น คางเล็ก ถอยร่นมาด้านหลัง

*หญิงที่มีรอบคอเกินกว่า 15 นิ้ว และชายที่มีรอบคอใหญ่กว่า 17 นิ้ว เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคนอนกรนได้ พอๆ กับคนที่มีต่อมทอนซิลโต และจมูกอักเสบเนื่องจากโรคภูมิแพ้

*"อาการนอนกรนกำลังเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ฮิตที่ไต่อันดับความนิยมที่ไม่น่าชื่นชมทั้งกับคนกรน และคนข้างตัวมากขึ้นทุกวัน ข้อมูลล่าสุดพบว่า สถิติโรคนอนกรนในคนไทย พบในกลุ่มผู้ชายมากถึง 20-30% ส่วนผู้หญิงพบได้ 10-15% โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงาน คนที่ อาการรุนแรงมากพบได้สูงถึง 5%

*อาการนอนกรนในวันนี้ ไม่เพียงแค่สร้างความรู้สึกรำคาญ แต่ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญญาณมรณะด้วย เพราะในบางคน อาการนอนกรนสื่อถึงการขาดอากาศหายใจในช่วงสั้นๆ ที่อาจทำให้หลับยาวแบบไม่ตื่นฟื้นไม่มีทีเดียว ดังนั้น จึงควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ และนี่คือข้อเท็จจริงที่นำมาฝาก"


อัลบั้มไม่มีชื่อ



*TIPS กำจัดเสียงกรน

*ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำหนึ่งช้อนโต๊ะก่อนนอน

*อย่ารับประทานอาหารหนัก สามชั่วโมงก่อนนอน กระเพาะที่เต็มไปด้วยอาหารจะส่งผลให้กะบังลมถูกกดทับ ทำให้การเดินลมในร่างกายตีบตัน

*หลีกเลี่ยงการใช้หมอนนุ่มๆ เพราะจะไปทำให้คอหอยผ่อนคลาย ทำให้ระบบช่องลมไม่ขยาย

*ปรับความชันของเตียงนอนให้ส่วนหัวสูงขึ้นจากแนวราบสี่นิ้ว จะช่วยผ่อนการ กดทับของลิ้น และกราม ส่งผลให้ลดอาการกรนระหว่างหลับ

*นอนตะแคง จะช่วยลดและผ่อนคลายความดันในช่องทางเดินอากาศที่เกิดจากการมีน้ำหนักมากเกินไปได้ แต่ถ้าไม่ชินกับการนอนตะแคง อาจใช้ลูกเทนนิส 2-3 ลูก เปลือกถั่วใส่ถุง หรือกระเป๋าวางไว้ด้านหลัง ลูกบอลหรือเปลือกถั่วเหล่านี้จะช่วยให้ไม่พลิกตัวไปนอนหงายได้

*หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาบางชนิด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ และยาแก้แพ้ต่างๆ เป็นตัวทำให้การหายใจช้าลง และตื้นขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนคลายลงมากกว่าปกติ จึงมีแนวโน้มได้มากว่าโครงสร้างลำคอจะอุดตันช่องทางเดินอากาศได้ง่าย เป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรน

*ลดน้ำหนัก ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สุดสำหรับผู้ที่มี น้ำหนักตัวมากผิดปกติ ทำให้การหายใจเป็นไปได้อย่างยากลำบาก การลดน้ำหนักสามารถช่วยได้ แต่หมายถึงลดให้ใกล้เคียงกับน้ำหนักตามสัดส่วน

*ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยที่สุด ทั้งยังช่วยปรับสภาพกล้ามเนื้อ และทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น

*กำจัดปัจจัยในที่นอนที่ทำให้เกิดอาการหอบหืดภูมิแพ้ เช่น ไร ฝุ่น ขนสัตว์ จะช่วยลดอาการคัดจมูกได้ด้วย*เพื่อป้องกันการนอนหงาย (แล้วจะกรน) อาจจะนำเอาลูกเทนนิส 2-3 ลูกมาใส่ถุงผ้าแล้วเย็บติดกับเสื้อที่ใส่นอน เวลานอนจะทำให้นอนหงายลำบาก เราจะต้องนอนตะแคงตัวไปเอง เป็นอุปกรณ์กันการนอนกรนแบบประหยัด

*หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือสัมผัสควันบุหรี่

*ใช้เครื่องมือที่เป่าลมเข้าไปในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นหรือไม่อุดกั้นขณะนอนหลับ

*หากเป็นมากต้องไปหาหมอ จะมีการตรวจหาความผิดปกติของการหายใจขณะนอนหลับ (ตามโรงพยาบาลใหญ่ๆ) และอาจมีการรักษาโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือการผ่าตัด แล้วแต่หมอจะเห็นเหมาะสม

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สาระน่ารู้เรื่อง อาหาร อาหารเสริม

อาหาร อาหารเสริม


อาหารเสริม



กินบรอคโคลี่ลดความเสี่ยงโรคดาวน์ให้ลูก
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เตือนภัย อาหารจีเอ็มโอ
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เตือน ชีวจิต ทำให้ขาดอาหาร มีโอกาส ลำไส้ติดเชื้อ-ทะลุ
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

แพทย์เตือนอย่าเห่อแฟชั่น อาหารชีวจิต โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต-เบาหวาน
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

นักวิจัยเตือนผู้หญิงให้ระวังมะเร็ง จากสารรบกวนในชีวิตประจำวัน
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

น้ำนมหญิงอีสานมีสารก่อมะเร็งสูง
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

โฆษณาอาหารเสริมเกินจริง
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

แพทย์ชี้อันตราย บะหมี่สำเร็จรูป มีสารก่อมะเร็ง
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ระวังอันตรายจาก การรับประทานสมองสัตว์
จากสำนักข่าวไทย 16/09/41

อาหารขาวผิดธรรมชาติ อย. ชี้มีสารฟอกสีเจือปน
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

อันตรายของการซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ทางอินเตอร์เน็ต*
ภญ.นิ่มนวล เลาหสุขไพศาล

อันตรายจากลูกอมปีศาจ*
อุชนา ประจง

สาระน่ารู้ เรื่องยา

เรื่องยา

ยา



ข้อมูลข่าวสาร...อย่ารีบเชื่อ
ดร.วินัย ดะห์ลัน

ใช้ยาปฏิชีวนะผิดคนดื้อยาโรคหวัดอื้อ
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

อ.ย.เพิ่งถอนยาพิษฝรั่ง"พีพีเอ"
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

สารพีพีเอในไทยขายมาแล้ว30 ปี
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

แพทย์เตือนเด็กเป็น'หวัด'ไม่ควรใช้ยา
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

อย.เตือนภัยเครื่องสำอางอันตราย
นิตยสารใกล้หมอ

ยารักษา สิว อันตราย
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

อันตรายยารักษาสิวโรแอคคิวเทน
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

ตจว.เสี่ยงพิษยาน้ำ-ครีมทาฝ้า
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

ระวังอันตรายจากแผงลอยขายยา
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เตือน! อย่าหลงเชื่อสมุนไพรอวดอ้างลดความอ้วน
นิตยสารใกล้หมอ

สารหนูในยาหอม
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

เตือนภัยใช้ยากระเพาะ ทำแท้งถึงมดลูกแตก
หนังสือพิมพ์มติชน

ระวังยาดองเหล้าอันตราย
นิตยสาร fitness

คลอเดน สารต้องห้าม ตลอดกาล
นิตยสาร fitness

สารคลอเดนวัตถุอันตราย
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
แพทย์เตือนไม่มียารักษาผมร่วง แบบครอบจักรวาล
สำนักข่าวไทย 17/11/41

อภ.เดินเครื่องผลิตยาดีดีไอ หลังสิ้นสาปส่ง
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน

แพทย์เตือนใช้ ไวอะกร้า เสี่ยงตาบอดสีถึงบอดสนิท
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ไวอากร้า ทำสถิติใหม่แก้เซ็กซ์เสื่อม 86%
ผู้จัดการรายวัน

ข่าว กลุ่มเน็ตตื่นแชมพู– ยาสีฟัน มีสารก่อมะเร็ง *
ภญ.พรพรรณ สุนทรธรรม

ปรอทแอมโมเนียภัยแฝงในรูปครีมไข่มุกและครีมขมิ้นสมุนไพร *
ภญ.พรพรรณ สุนทรธรรม

โฆษณายาหลอกลวง *
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ

สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
รศ.บัญญัติ สุขศรีงาม
ผศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร

14 สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเราคือ ?

14 สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเราคือ ??

สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต


1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา คือ ตัวเราเอง
The most formidable enemy in ones life is oneself


2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอวดดี
The biggest failure in ones life is self-important.



3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา คือ การหลอกลวง
The unwiset act in ones life is deceit.



4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา คือ ความอิจฉาริษยา
The most miserable act in ones life is jealousy.


5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา คือ การยอมแพ้ตนเอง
The gravest mistake in ones life is self-abundonment.


6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตของเรา คือ การหลอกตัวเอง
The most sinful act in ones life is self-deception.


7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การถดถอยของตัวเอง
The most pitiful temperament in one&rsquos life is self-abasement.



8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะวิริยะ
The most admirable spirit in one&rsquos life is perserverance.



9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง
The most complete bankruptcy in one&rsquos life is despair.


10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตเรา คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
The greatest wealth in one&rsquos life is health.


11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ หนี้บุญคุณ
The heaviest debt in one&rsquos life is a debt gratitide for
others help.


12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา คือ การให้อภัยและความเมตตา
The groundest gift in one&rsquos life is forgiveness and kindness,


13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
The biggest shortcoming in one&rsquos life is permissism on unreason.


14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจมากที่สุด คือ การให้ทาน
The greatest gratification in one&rsquos life is alms giving

ภัยไข้หวัดหมู

สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ

ซึมเศร้ากระตุ้นคนเราปรับตัว จิตแพทย์ชี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งยา
ผู้เชี่ยวชาญโต้แย้งสำนัก 'คิดบวก' พาคนหลงผิด ชี้อาการซึมเศร้าเป็นเรื่องดี การใช้ยากับอาการนี้ราวกับเป็นโรคชนิดหนึ่งทำให้คนเรามองข้ามด้านของความทุกข์ ทำให้ขาดแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
ผู้บันทึก thaimental เมื่อ Tuesday 24 Feb 09@ SE Asia Standard Time
มีต่อ...


โฆษก สธ.เตือนออกกำลังกายช่วงอากาศร้อนจัดอาจช็อก
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เตือนออกกำลังช่วงอากาศร้อนจัดระวังช็อกหมดสติ ชี้ก่อนรับประทานอาหารควรอุ่นทุกครั้งเลี่ยงโรคท้องร่วงถามหา แนะควรหาเวลาดูหนังฟังเพลงคลายใจร้อน หงุดหงิด
ผู้บันทึก thaimental เมื่อ Monday 23 Feb 09@ SE Asia Standard Time
มีต่อ...


เรื่องเสี่ยงๆ ผลข้างเคียงจากยา
ผลข้างเคียงของยา สามารถกำหนดชะตาชีวิตได้ ความวิตกกังวลทั้งหลายเกิดจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
ผู้บันทึก thaimental เมื่อ Friday 27 Feb 09@ SE Asia Standard Time
มีต่อ...

สาระน่ารู้เพื่อสุขภาพเหงือกและฟัน
ไม่ว่าจะวันไหนๆ ทุกเช้าแห่งการเริ่มต้นภารกิจ จวบจนช่วงวารสุดท้าย ก่อนเข้าสู่การพักผ่อนนอนหลับ เรื่องของสุขภาพในช่องปากและฟัน ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจะต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดโรคภัยต่างๆ

นิตยสารแฟชั่น


นิตยสารแฟชั่น



นิตยสารแฟชั่นเพื่อผู้หญิงทันสมัย
Fashion Review Magazine Co.,Ltd. (www.fashionreview.co.th)

นิตยสารขวัญเรือน


ขวัญเรือน

นิตยสารขวัญเรือน เป็นนิตยสารรายปักษ์ นำเสนอเรื่องราว
หลากหลายแฟชั่น สัมภาษณ์ งานฝีมือ เพื่อนเด็ก ท่องเที่ยว
กระดานสนทนาพูดคุยกับนักเขียน ส่งการ์ด
พร้อมข้อมูลฉบับย้อนหลัง รวมถึงค้นหาข้อมูลสัมภาษณ์บุคคล และท่องเที่ยว

นิตยสารสุขภาพแนะนำ

นิตยสารชีวจิต
นิตยสารสุขภาพดี

นิตยสารชีวจิต

ชีวจิต


นิตยสารชีวจิต นำเสนอหลาก หลายวิธีในการดูแลสุขภาพ มูลนิธิชีวจิต

Cheewajit concept of holistic health

Healthtoday Thailand Magazine

HealthToday


นิตยสารสุขภาพ....สำหรับผู้ใส่ใจในสุขภาพ
คับคั่งด้วยบทความทั้งเรื่องสุขภาพ ความงาม

วงการแพทย์



สรรพสาร วงการแพทย์ - Medical Magazine Online

นิตยสาร ELLE


นิตยสาร ELLE


นิตยสาร ELLE Thailand, ELLE DECOR, CLEO
โดย บริษัท ฮาเชท ฟิลิปปาคิ โพสต์ จำกัด - Hachette Fillipacchi Post Co.,Ltd

มติชน

มติชนกรุ๊ป



นิตยสารเส้นทางเศรษฐี กำหนดออกรายเดือน
เสนอข่าวสาร สาระ ช่องทางการสร้างอาชีพ
ตัวอย่างการสร้างอาชีพของผู้ที่ประสพความสำเร็จในชีวิตมาแล้ว
และแนะแนวอาชีพ

ธรรมมะไทยเพื่อสุขภาพ

http://www.dhammathai.org/

Dhammama free talk
สร้างสมดุลกาย จิต
และบริหารกรรม
เพื่อสร้างความสำเร็จของชีวิต

ธรรมเดลิเวอรี่_1

ธรรมเดลิเวอรี่_1

ธรรมเดลิเวอรี่_2

ธรรมเดลิเวอรี่_2

พระมหาสมปอง "พระคุณแม่" ที่ Enconcept

ธรรมมะ